การบริหารจัดการสินค้าคงคลัง Spare Part อย่างมีประสิทธิภาพ (Spare Part Inventory Management) โดย อาจารย์ อนันต์ ดีโรจนวงศ์

การจัดการสินค้าคงคลังวัสดุ (Spare Part Inventory Management) เป็นการจัดการในการรับ การตรวจสอบและตรวจนับ การจัดเก็บสินค้าประเภทวัสดุได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง รวมถึง การหยิบสินค้า ตรวจสอบ และจัดส่งวัสดุให้ผู้รับได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป้าหมายหลักในการบริหารและดำเนินการจัดการในคลังสินค้าวัสดุก็เพื่อให้เกิดระบบที่ดี มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าต่อการลงทุน รวมถึงการควบคุมคุณภาพของการเก็บ การหยิบสินค้าได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย การป้องกันและลดการสูญเสียจากการดำเนินงานเพื่อให้ต้นทุนการดำเนินงานต่ำอย่างเหมาะสม เพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้ใช้งานได้ และการใช้ประโยชน์เต็มที่จากพื้นที่คลังสินค้าวัสดุ การจัดการคลังสินค้าวัดสุจึงนับเป็นองค์ประกอบที่สำคัญส่วนหนึ่งในโซ่อุปทาน รวมถึงการควบคุมปริมาณสินค้าคงคลังวัสดุ (Spare Part Inventory Control)ซึ่งต้นทุนสินค้าคงคลังวัสดุเป็นต้นทุนการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนั้นการจัดการสินค้าคงคลังวัสดุมีวัตถุประสงค์หลักอยู่ที่สามารถมีสินค้าคงคลังวัสดุบริการให้กับผู้ใช้งานในปริมาณที่เพียงพอ และทันต่อการความต้องการอยู่เสมอ สามารถลดระดับการลงทุนในสินค้าคงคลังวัสดุให้ต่ำอย่างเหมาะสม และเพื่อทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลงได้อีกด้วย           

วัตถุประสงค์ :

  1. เพื่อสามารถบริหารจัดการคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะคลังสินค้าวัสดุ (Spare Part) และสามารถควบคุมและเพิ่มความรวดเร็ว ถูกต้อง ครบถ้วนในการการทำกิจกรรมต่าง ๆภายในคลังสินค้าวัสดุได้
  2. เพื่อลดต้นทุนและพื้นที่การจัดการปริมาณสินค้าคงคลังวัสดุจำนวนมาก
  3. เพื่อสามารถจัดเก็บสินค้าประเภทวัสดุในคลังสินค้าได้อย่างเหมาะสมตามปริมาณที่ลูกค้าต้องการ
  4. เพื่อสามารถทราบข้อมูลสินค้าคงคลังวัสดุได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และครบถ้วน เพื่อนำไปวิเคราะห์และพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
  5. สามารถเติมเต็มสินค้าคงคลังวัสดุได้ทันเวลาและอย่างเพียงพอ และสามารถจัดเก็บสินค้าวัสดุได้มากขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มพื้นที่คลังสินค้า
  6. เพื่อลดเวลา Breakdown Maintenance และงาน Preventive Maintenance ว่าเมื่อใดก็ตามที่ต้องการใช้อะไหล่เพื่อการซ่อม หรือเพื่อการบำรุงรักษา ต้องหาได้ในทันทีหรือใช้เวลาน้อยที่สุด  

หัวข้อสำคัญของการเรียนรู้ :

1. หลักการพื้นฐานการจัดการคลังสินค้าและสินค้าคงคลัง

  • ความสำคัญและประโยชน์ของการบริหารสินค้าคงคลัง
  • ระบบการบริหารคลังสินค้ากับบริหารสินค้าคงคลัง
  • ประเภทของสินค้าคงคลัง และการบริหารจัดการสินค้าคงคลังสินค้าสำเร็จรูป วัตถุดิบและวัสดุ อุปกรณ์
  • การวิเคราะห์ต้นทุนการบริหารสินค้าคงคลัง

2. การวิเคราะห์ความสำคัญของสินค้าคงคลังวัสดุ

  • การวิเคราะห์สินค้าคงคลังวัสดุด้วยแนวคิด ABC Analysis
  • การวิเคราะห์จัดแบ่งวัสดุตามความสำคัญกับการผลิต (VED Analysis)
  • การวิเคราะห์จัดแบ่งวัสดุตามความถี่ในการใช้ (FSN Analysis)
  • การวิเคราะห์จัดแบ่งวัสดุตามมูลค่าราคา (HML Analysis)  
  • การวิเคราะห์จัดแบ่งวัสดุตามระยะเวลาในการส่งมอบ (SDE Analysis)

3. การวางแผน ควบคุม และการคำนวณปริมาณสินค้าคงคลังที่เหมาะสม

  • การวิเคราะห์จุดสั่งซื้อซ้ำ (Re-Order Point: ROP) และการคำนวณ
  • การคำนวณปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัดที่สุด (Economic Order Quantity: EOQ) และข้อจำกัด
  • สินค้าเผื่อเพื่อความปลอดภัย (Safety Stock : SS) และปริมาณที่เหมาะสม
  • วิธีการลดปริมาณสินค้าคงคลังวัสดุอย่างมีประสิทธิภาพ

4. การประเมินความสามารถในการบริหารสินค้าคงคลัง

  • ดัชนีชี้วัดการดำเนินงานการบริหารสินค้าคงคลัง (KPIs) และการวิเคราะห์
  • กรณีศึกษาการจัดการคลังสินค้าและควบคุมสินค้าคงคลัง

ระยะเวลาในการเรียนรู้ :

จำนวน 1 วัน ตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น.

หลักสูตรนี้เหมาะสมสำหรับ : 

ผู้จัดการ เจ้าหน้าที่ระดับบริหาร และระดับปฏิบัติการ ฝ่ายคลังสินค้าวัสดุ สินค้าสำเร็จรูป สินค้าวัตถุดิบ ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายผลิต ฝ่ายวางแผนการผลิต ฝ่ายซ่อมบำรุง วิศวกร 

รูปแบบ/วิธีการในการเรียนรู้ : 

  • การบรรยาย
  • การให้คำปรึกษา
  • ให้คำแนะนำ-ร่วมอภิปราย

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : คุณฐิตาภา (ไก่) เหมะสิขัณฑกะ

Tel : 095-853-5513, 091-738-7838

E-mail : peopledevelop@outlook.com

Visitors: 286,790